“มาช่วยกันป้องกันการฆ่าตัวตายกันเถิด”
วัยรุ่นเป็นวัยที่มีปัจจัยทางจิตวิทยาเหมือนกันแทบทุกคนนั่นคือวัยรุ่นนั้นอยากเป็นคนเก่ง อยากโต อยากโชว์ อยากโชว์ อยากให้ผู้อื่นชื่นชมและอยากรู้อยากลอง โดยภาพรวมคือเขาอยากมีความภาคภูมิใจมีตัวตนและเป็นที่ยอมรับนับถือทั้งในกลุ่มผู้ปกครองครูบาอาจารย์ และโดยเฉพาะในกลุ่มเพื่อนวัยรุ่นของเขา
ดังนั้นในบางสถานการณ์วัยรุ่นอาจแสดงออกในสิ่งที่คล้ายๆกันทั้งกลุ่มเล็กและกลุ่มใหญ่ก็ได้ เช่นอาจแต่งกายและไว้ทรงผมเหมือนกันหรือแสดงความเห็นในเรื่องใดๆต่างจากคนอื่นในครอบครัวในสถานศึกษาและในสังคมเช่นความเห็นด้านการศึกษาด้านสิทธิและด้านการเมืองเป็นต้น
เมื่อไหร่ที่วัยรุ่นมีความเห็นต่างจากผู้ใหญ่ในประเด็นใดก็ตามเมื่อนั้นแปลว่าเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างวัยรุ่นกับผู้ใหญ่แล้วนั่นเอง ทั้งจากทางวิชาการและประสบการณ์ของผู้เขียนเอง มักจะพบว่าความขัดแย้งที่พบในวัยรุ่นนั้นส่วนใหญ่เป็นความขัดแย้งด้าน “เนื้อหา” ที่มีความเห็นในประเด็นต่างๆแตกต่างกัน เช่นความเห็นทางการเมืองที่วัยรุ่นอาจชอบอีกอย่างหนึ่ง ผู้ใหญ่อาจชอบอีกอย่างหนึ่ง วัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่งอาจชอบอีกอย่างหนึ่งแตกต่างกันออกไป เป็นต้น อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดความขัดแย้งก็สามารถจัดการสื่อสารเพื่อความเข้าใจกันอย่างมีประสิทธิภาพด้วยหลักการห้าข้อดังต่อไปนี้
1)#ตั้งใจรับฟังวัยรุ่นด้วยท่าทีที่สงบและเป็นมิตร การตั้งใจรับฟังเมื่อวัยรุ่นแสดงความเห็นใดๆที่แตกต่างจากเรานั้นเป็นหัวใจสำคัญเริ่มต้นไปสู่การยอมรับนับถือและการคลี่คลายไปในทางที่ดีได้ เพราะการที่วัยรุ่นแสดงความเห็นใดๆต่อเรานั่นแสดงว่าเขาต้องการให้เราสนใจและใส่ใจเขา ดังนั้นการตั้งใจรับฟังในสิ่งที่เขาพูดอย่างจริงจังจริงใจและเป็นมิตรนั้นเป็นการแสดงว่าเรายอมรับนับถือในความเป็นตัวตนของเขา ซึ่งจะสร้างความภาคภูมิใจเบื้องต้นให้กับวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี
2)#ค้นหาข้อดีในในความเห็นและในตัวของวัยรุ่น สืบเนื่องจากข้อหนึ่งเมื่อตั้งใจรับฟังสิ่งที่วัยรุ่นเล่าให้เราฟังแล้ว ก็ให้ค้นหาคุณงามความดีที่วัยรุ่นคนนั้นและกลุ่มนั้นมีอยู่ ตลอดจนความคิดเห็นดีๆที่เขามีอยู่ เช่น ข้อดีที่เขาใส่ใจและห่วงใยต่อสังคมบ้านเมืองและอยากมีส่วนร่วมในการชี้แนะชี้นำเพื่อการพัฒนาด้านต่างๆตามทัศนะของเขา เป็นต้น
3)#ชื่นชมในข้อดีที่ค้นพบในตัววัยรุ่น กล่าวคือเมื่อค้นหาคุณงามความดีของวัยรุ่นและความเห็นของเขาที่หลากหลายได้แล้ว ให้นำกลับไปชื่นชมเขา การกระทำเช่นนี้จะเป็นการเปิดใจวัยรุ่นทำให้เขาเข้าใจได้ว่าเขาเป็นที่ยอมรับนับถือและได้รับการชื่นชมจากเรา เช่น ชื่นชมที่เขากล้าแสดงออกและอยากจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมบ้านเมืองเป็นต้น
4)#แสดงความเห็นที่แตกต่างด้วยท่าทีที่สงบเป็นมิตรและมีเหตุผล กล่าวคือสืบเนื่องจากข้อสองและข้อสามเมื่อค้นหาข้อดีและชื่นชมในข้อดีในตัวของวัยรุ่นและความเห็นต่างๆของเขาแล้ว นั่นหมายความว่าเรายอมรับนับถือในความมีตัวตนในความเป็นเขา จะช่วยให้เขาเปิดใจที่จะรับฟังเราในจังหวะที่เหมาะสม นั่นคือแสดงความเห็นที่แตกต่างด้วยท่าทีที่สงบเป็นมิตรและด้วยเหตุผลตลอดจนแง่มุมที่หลากหลาย ประเด็นนี้หากสามารถชวนเขาคิดและมองสถานการณ์เดียวกันจากหลากหลายมุมมอง จะเป็นการช่วยพัฒนาความคิดที่เป็นระบบระเบียบและสัมพันธ์เชื่อมโยงแก่วัยรุ่นได้เป็นอย่างดี จะช่วยคลายทิฐิมานะแบบสุดโต่งลงได้นำมาสู่ท่าทีที่สงบและเป็นมิตรต่อกันในที่สุด
5)#ช่วยกันค้นหาข้อสรุปด้วยความเห็นร่วมกันที่มีคุณค่าและเกิดประโยชน์ ข้อห้านี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย หากไม่ทำตามขั้นตอนข้อหนึ่งถึงข้อสี่ตามลำดับด้วยลีลาที่เหมาะสม กล่าวคือเมื่อชวนวัยรุ่นวิเคราะห์สถานการณ์ใดๆด้วยแง่มุมที่หลากหลายจะช่วยทำให้วัยรุ่นมองเห็นชุดของคำอธิบายต่างๆอย่างกว้างขวาง จะช่วยนำมาสู่ข้อสรุปที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ร่วมกันได้เป็นอย่างดี
และด้วยหลักการทางจิตวิทยานั้น เมื่อคนเรามองเหตุการณ์เดิมด้วยมุมมองที่กว้างขวางและหลากหลาย อาจมองด้วยตนเองและผู้อื่นชวนมองแล้ววิพากษ์วิจารณ์อย่างลึกซึ้งด้วยเหตุผล จะช่วยทำให้มนุษย์เรามีใจที่เปิดกว้างมองเห็นความจริงที่หลากหลายมุมมอง จะส่งผลให้มีจิตใจสงบและท่าทีที่เป็นมิตร ตลอดจนยอมรับการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างด้วยความสงบร่มเย็นได้
การอยู่กับวัยรุ่นนั้นไม่อาจหลีกเลี่ยงความเห็นที่ขัดแย้งต่อกันได้จึงถือเป็นเรื่องธรรมดาและธรรมชาติ แต่การเข้าใจความธรรมดาและธรรมชาติด้วยจิตที่เป็นกลางๆและมีวิธีรับมือกับความขัดแย้งต่างๆทั้งห้าข้อตามที่ผู้เขียนได้กล่าวมาแล้วนั้น จะช่วยให้วัยรุ่นรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นตัวตนของเขา นำมาสู่การพัฒนาความคิดด้านต่างๆอย่างเหมาะสมต่อไป