แก้ปัญหาโควิดส่งเสริมสุขภาพจิตด้วยพลังการชื่นชม
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิชนายทีนที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ จะเห็นได้ว่าแต่ละประเทศต่างก็รับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวที่แตกต่างกันออกไป นั่นเป็นเพราะปรากฏการณ์จากโรคนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้นั่นเอง ดังนั้นการจะหารูปแบบสำเร็จรูปที่มีประสิทธิภาพ(model,best practice)ในการจัดการกับการระบาดของโควิดนายทีนในครั้งนี้จึงไม่ปรากฏอยู่ที่ใดทั้งสิ้น หากจะพอมองเห็นก็พอจะมีที่จุดเริ่มต้นที่ประเทศจีนนั่นเอง ที่มีรูปแบบการแก้ไขที่สามารถคลีคลายให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับในประเทศไทยเราผู้เขียนเชื่อว่าผู้นำประเทศร่วมมือกับนักวิชาชีพสาธารณสุขหาแนวทางที่จะรับมือได้สมเหตุสมผลในแต่ละจังหวะ แม้อาจไม่ถูกใจใครบ้างแต่ก็เชื่อว่าเป็นการหาแนวทางที่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ จนเวลาผ่านมาประมาณสองเดือนคงจะประจักษ์ได้ว่า การแก้ปัญหาของประเทศไทยเรานั้นยอดเยี่ยมกว่าประเทศมหาอำนาจทางยุโรปและอเมริกามากมาย ดังนั้นเพื่อสร้างบรรยากาศที่เป็นบวกคนไทยควรหันมามองด้านดีๆที่มีอยู่แล้วชื่นชมกัน จะส่งผลต่อสุขภาพจิตและการดำรงชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม สถานการณ์ครั้งนี้มีประเด็นที่เราควรชื่นชมกันมากมาย เช่น
1)#ชื่นชมสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ที่ทรงวางรากฐานการสาธารณสุขของชาตินานมากกว่า 100 ปีและพัฒนามาเรื่อยๆ จนมีมาตรฐานติดอันดับต้นของโลก กระทั่งการสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะประเทศไทยและประเทศจีนนั้น พระราชวงศ์ไทยและรัฐบาลไทยที่ได้สานสัมพันธ์กันมาเฉกเช่นบ้านพี่เมืองน้อง เมื่อถึงคราวที่เดือดร้อนประเทศจีนก็ได้ให้การช่วยเหลือประเทศไทยอย่างน่าชื่นใจ ผู้เขียนเชื่อว่าเมื่อสถานการณ์สงบลงนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนก็จะหลั่งไหลมาเที่ยวประเทศไทยเฉกเช่นเดิมแน่นอน ในขณะที่ประเทศแถบยุโรปและอเมริกาที่คนไทยจำนวนหนึ่งหลงใหลคลั่งไคล้นั้นยังเอาตัวเองแทบไม่รอดจากโควิดอยู่ในขณะนี้
2)#ชื่นชมนายกรัฐมนตรี ที่ระดมปรมาจารย์นักวิชาการสาธารณสุขชั้นนำของประเทศสาขาต่างๆมาระดมความคิดเพื่อวางแผนที่จะรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิดนายทีนในครั้งนี้ ทั้งในระดับมหภาคของประเทศ ระดับจังหวัดและระดับชุมชนโดยใช้วิธีการที่คล้ายๆการประนีประนอมไม่ถึงกับปิดประเทศ แต่ก็ไม่ใช่เปิดเสรีในทุกทิศทาง เพราะการจัดการเช่นนี้ยังไม่มีใครกล้ารับประกันได้ว่าแบบไหนดีที่สุดในโลก เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ยังไม่เคยเกิดมาก่อน การทำงานไปสังเกตุไปแก้ปัญหาไปทุกๆวันอย่างสมเหตุสมผลที่สุดนั้น จึงน่าจะเป็นวิธีการที่ดีจนเห็นความสำเร็จอยู่รำไร ณ วันนี้
3)#ชื่นชมทีมแพทย์พยาบาลและนักการสาธารณสุขทุกสาขา ที่เสียสละร่วมมือร่วมใจทุ่มเทการทำงานเพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิดนายทีนในครั้งนี้ แม้ทุกท่านจะรู้ว่าตนเองต้องเสี่ยงอันตรายต่อการติดเชื้อเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มิได้ย่อท้อกัน ต่างทุ่มเทเสียสละทำงานและต้องจากครอบครัว บางท่านหลังจากทำงานเสร็จก็ต้องกักตัวอยู่ในบริเวณที่โรงพยาบาลจัดไว้ไม่มีโอกาสไปพบญาติมิตรที่บ้านของตน บางท่านทำงานด้วยความเสียงสูงในภาวะที่วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อป้องกันโควิดยังขาดแคลน แต่ก็ต่อสู้กันด้วยใจที่เปี่ยมล้นด้วยเมตตากรุณา
4)#ชื่นชมสื่อสารมวลชนไทยทุกแขนง ที่ต่างนำเสนอข่าวการแพร่ระบาดของโควิดนายทีนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ประชาชนได้ติดตามและปฏิบัติตัวตามที่รัฐได้กำหนดขึ้น ทั้งๆที่การทำข่าวในภาวะวิกฤตโรคระบาดเช่นนี้ โอกาสที่สื่อมวลชนจะติดเชื้อก็มีสูงเช่นกัน แต่ทุกคนก็พยายามป้องกันตัวเองเพื่อให้ได้มาซึ่งข่าวสารและความรู้ที่จะเป็นประโยชน์เพื่อเผยแพร่ต่อประชาชนในชาติให้ทั่วถึงและสม่ำเสมอ โดยยังไม่อาจรู้ได้ว่าเมื่อไหร่จะถึงวันสิ้นสุดอุบัติการณ์
5)#ชื่นชมองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่ให้ความร่วมมือ ในการงดจัดกิจกรรมต่างๆ แม้แต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งคนไทยทุกคนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะบรรพบุรุษได้สร้างมานานนับหลายรอยปี ซึ่งเป็นประเพณีวัฒนธรรมที่ส่งเสริมทั้งสุขภาพกายสุขภาพจิต กระทั่งสานสัมพันธ์ในครอบครัวและชุมชน ตลอดจนเป็นเทศกาลเพื่อการท่องเที่ยวไทยซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก กระทั่งวัดวาอารามต่างๆก็ให้ความร่วมมือในการงดจัดกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมถึงแม้ว่าจะขัดแย้งต่อจิตวิญญาณของคนไทยก็ตาม ด้วยตระหนักว่าการงดจัดกิจกรรมในครั้งนี้หมายถึงการต่อสู้กับการระบาดของโควิดในชาตินั่นเอง
6)#ชื่นชมชาวไทยทุกๆคนที่ให้ความร่วมมือ ในการรณรงค์ป้องกันแก้ไขการระบาดของโควิดนายทีน โดยร่วมกันทั้งการเก็บตัวอยู่บ้านเพื่อช่วยชาติ การทิ้งระยะห่างทางสังคมไม่น้อยกว่า 2 เมตร งดการคบค้าสมาคมกันอย่างใกล้ชิด หมั่นล้างมือ ใช้ช้อนกลาง สวมหน้ากากอนามัย และมีคนอีกมากมายที่ต้องงดจัดกิจกรรมที่ตนได้เตรียมไว้เช่นงานขึ้นบ้านใหม่ แต่งงานและงานมงคลอื่นๆอีกมากมายซึ่งจำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน เพื่อให้ความร่วมมือกับรัฐในการละเว้นการชุมนุมทางสังคมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดจากคนสู่คนนั่นเอง
7)#ชื่นชมผู้มีจิตเป็นกุศลทั้งประเทศ ที่ร่วมกันช่วยเหลือเกื้อกูลในสิ่งที่ตนเองพึงทำได้ ดังเช่นดารานักแสดงหลายคนบริจาคเงินคนละหลายล้านบาท และบริษัทห้างร้านต่างๆบริจาคทั้งเงินและสิ่งของต่างๆมีมูลค่านับร้อยล้านบ่ท บุคคลและองค์กรต่างๆในระดับชุมชนร่วมกันจัดตั้งโรงทานบริจาคข้าวปลาอาหารแก่คนที่เดือดร้อนเนื่องจากขาดรายได้ในช่วงดังกล่าว เป็นต้น นับว่าเป็นช่วงที่ได้เห็นคนไทยเรามีจิตที่เป็นกุศลและช่วยเหลือสังคมกันอย่างกว้างขวางที่น่าชื่นชมยิ่ง
#นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีสิ่งที่น่าชื่นชมยินดีในสังคมไทยอีกมากมาย #ผู้เขียนอยากเชิญชวนให้ผู้อ่านทุกท่านร่วมกันค้นหาและชื่นชม แล้วนำเสนอทางสื่อสารสังคมออนไลน์ให้มากขึ้น ผู้เขียนมีประสบการณ์และเชื่อมั่นในพลังการชื่นชมซึ่งเป็นทั้งพลังทิพย์พลังบวกพลังบุญ เมื่อต่างคนต่างค้นหาคุณงามความดีของกันและกันในสถานการณ์โควิดระบาดในครั้งนี้แล้วนำมาชื่นชมกัน จะเป็นพลังแห่งคุณงามความดีที่ส่งผลให้สังคมไทยเรามีความสงบสุขและสามัคคี ตลอดจนคลี่คลายปัญหาไปในทางที่ดีขึ้นได้ด้วยความรวดเร็ว